ตั้งแต่กรมอุตุฯ ประกาศให้ประเทศไทย เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ ประมาณต้นเดือน พ.ย. เราซึ่งเป็นชาวกรุง ก็ตั้งหน้าตั้งตารอ รอแล้วรอเล่า เฝ้าแต่รอ ว่าเมื่อไหร่จะหนาวจริงๆ จังๆ สักที จนย่างเข้าสู่เดือน ธ.ค. ผิวกายก็ยังไม่ได้รู้สึกถึงลมหนาว ถ้ารอต่อไปเห็นท่าจะไม่ได้เรื่อง ต้องเอาตัวเองออกไปสัมผัสอากาศหนาว ที่ต่างจังหวัดดีกว่า ครั้นจะไปนอนโรงแรมตากแอร์ คงจะเหมือนอยู่บ้าน ต้องเอาเต็นท์ไปกางสิ ถึงจะได้ฟีล!! แต่ที่ไหนดีล่ะ?? ถ้าไปตามอุทยานแห่งชาติในช่วงนี้ คนคงจะแน่นเกินไป นึกขึ้นมาได้ว่ามีเพื่อนเคยไป กางเต็นท์วังน้ำเขียว แล้วบอกว่าอากาศเย็นดี แถมที่นี่ยังได้ขึ้นชื่อว่า เป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลกอีกด้วย (ไม่รู้เป็นบทวิจัย มาจากที่ไหน หรือแค่บอกต่อกันมา แบบปากต่อปาก) แต่บอกว่าติดอันดับขนาดนี้ อากาศจะต้องดีแน่ๆ หนาวนี้เลยตัดสินใจขอจัดบ้างดีกว่า
ครั้งนี้เราใช้บริการเช่ารถของ Avis โทรไปเช็ค มีรถว่าง ราคาโอเค ก็จองเลยสิ จะรออะไรล่ะ (ในกรุงเทพ สามารถรับรถได้ 3 ที่ ตามนี้ ออฟฟิศสาทร ซ.1 สนามบินดอนเมือง และ สนามบินสุวรรณภูมิ) เมื่อรถพร้อม!! เต็นท์พร้อม!! เราก็เริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพ มุ่งหน้าไปทาง จ.สระบุรี เข้าปากช่อง แล้วต่อไป ทางขึ้นเขาใหญ่ ถ.ธนะรัชต์ เลาะเขาใหญ่ไปเรื่อยๆ จนเข้าเขต อ.วังน้ำเขียว โคราช ระยะทางประมาณ 250 กม.
เริ่มหาที่ กางเต็นท์วังน้ำเขียว
ระหว่างทาง ตั้งแต่เขาใหญ่มาถึงวังน้ำเขียว มีรีสอร์ทตลอดทาง เราก็แวะดูไปเรื่อยๆ แต่ยังไม่ถูกใจ จนมาเจอกับ “ไร่เขากบ” ต้องบอกก่อนว่า ที่นี่ไม่ได้อยู่ติดถนน ต้องขับรถเข้าไปอีก ประมาณกิโลกว่าๆ แต่ถ้ามองจากด้านนอก ริมถนน ก็จะเห็นไร่เขากบอยู่บนยอดเขา สวยงามเลยทีเดียว
ไร่เขากบ
ไร่เขากบ มีที่พัก 2 แบบ คือ บ้านเป็นหลังๆ และลานกางเต็นท์ เราเอาเต็นท์มาเอง เสียค่าพื้นที่คนละ 250 บาท รวมอาหารเช้าด้วย ราคานี้คุ้มค่ามาก แต่ถ้าใครมาตัวเปล่า แล้วมาใช้เต็นท์ที่นี่ก็ได้เหมือนกัน ไร่เขากบบรรยากาศดี เงียบสงบ อยู่บนยอดเขา มองวิวไกลๆ สวยๆ ได้ ห้องน้ำก็ดีมาก แยกชายหญิง และที่สำคัญมีน้ำอุ่นให้อาบด้วย มีอุปกรณ์ปิ้งย่างให้เช่า แต่ทางรีสอร์ทไม่มีอาหารขายนะ ต้องซื้อเข้ามากันเอง
คุณลุงคุณป้าเจ้าของไร่เขากบ พักอยู่ที่นี่ คอยดูแล และให้บริการดีมากๆ แวะมาพูดคุย แนะนำการกางเต็นท์ให้กับเราด้วย สงสัยจะดูท่าทางของเรา แล้วรู้ว่าเป็นมือใหม่กางเต็นท์แน่ๆ วันที่เราไปมีลูกค้าเก่าเกือบครึ่ง เป็นการการันตีได้อย่างดีเลยว่า ใครมาที่นี่ต้องติดใจแน่นอน
ที่พักจะไล่จากบนยอดเขา ด้านบนเป็นบ้าน ส่วนที่กางเต็นท์จะอยู่ด้านล่าง มี 2 ระดับคือ ช่วงกลางเขา กับตีนเขา แต่ไม่ต้องกลัวว่า นอนแล้วจะกลิ้งตกเขาไปนะ เพราะคุณลุงได้ปรับพื้นที่ เป็นชั้นๆ ไว้หมดแล้ว ใครที่นอนเต็นท์ตีนเขา เอารถลงไปจอดข้างล่างได้เลย เพื่อความสะดวกในการขนของ แต่ทางก็จะชันๆ เสียวๆ หน่อย ให้พอได้ฟีลแอดเวนเจอร์
หลังจากพระอาทิตย์ตก อากาศก็หนาวสมใจตามที่เราตั้งใจมาหา เริ่มตั้งวงปิ้งย่าง พูดคุยกันสนุกสนาน บริเวณจุดกางเต็นท์มีไฟสลัวๆ พอมองเห็น ส่วนห้องน้ำเปิดไฟสว่างตลอด และหลัง 4 ทุ่ม งดใช้เสียงดัง ตกดึกอากาศหนาวมากขึ้นเรื่อยๆ น้ำค้างลงแรง จนเต็นท์ด้านนอกเปียกหมด ตื่นเช้าเราออกไปเดินเล่นรอบๆ รีสอร์ท ดูบรรยากาศ แล้วค้นพบว่าที่นี่สวยมาก เป็นไร่บนภูเขาที่ผ่านการเก็บเกี่ยวไปแล้ว บวกกับแสงอาทิตย์ยามเช้า ทำให้สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าเป็นสีทองไปทั่ว
22°c Cafe
ด้านตรงข้ามกับ ไร่เขากบ มีร้านกาแฟสุดชิคสุดชิลอยู่ 1 ร้านถ้วน ชื่อว่า 22°c Cafe เป็นร้านยอดนิยม ประมาณว่า ถ้าใครมาวังน้ำเขียวแล้วไม่แวะ Check in เหมือนมาไม่ถึงเลยทีเดียว ร้านใหญ่ มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะ ถูกใจสายฮิปสเตอร์แน่นอน ส่วนเครื่องดื่มก็จัดกันตามใจชอบได้เลย
การมาเที่ยวที่ วังน้ำเขียว มีอะไรให้ทำหลายอย่าง นอกจากการนั่งชิลร้านกาแฟ ลองค้นดูว่า อะไรที่ดีต่อใจ ต่อปอด ต่อตับไตไส้พุงของตัวเอง แล้วออกไปทำสิ่งนั้น กับอากาศดีๆ เย็นๆ แค่นี้ทริปสั้นๆ ที่วังน้ำเขียว ก็ให้ความฟินระดับ 10 แล้ว ไม่เชื่อลองมาสัมผัสกันดู