Korea Autumn ไปตามหาใบไม้เปลี่ยนสีที่เกาหลีกัน
เกริ่นหน่อย
“อันยองฮาเซโย” คำทักทายแบบนี้ได้ยินตลอดทั้
โบยบิน
การเดินทางของเราในครั้งนี้ บินกับ Thai AirAsia X ทั้งไปและกลับ ไปกัน 8 วัน ช่วงปลายเดือนตุลาคม ที่เราบอกว่าโชคดี เพราะครั้งนี้เราได้นั่ง Premium Flatbed [เปรียบเหมือนกับ Business Class] ในราคาที่ประหยัดมาก คุ้มค่า สะดวกสบาย
อะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันคุ้มค่ามากน่ะเหรอ
- เริ่มจากราคาก่อนเลย จองได้ประมาณ 14,000 บาท ซึ่งราคานี้ใกล้เคียงกับชั้นปกติ Economy มากๆ จัดว่าคุ้ม
- ต่อมาที่น้ำหนักกระเป๋า ให้กันเต็มๆ คนละ 40 กิโล เอาเข้าจริงเราก็ใช้ไม่ถึงนะ
- อีกอย่างที่เราว่าสะดวกสบาย คือไม่ต้องรอต่อคิวยาวๆ ตอน check in โหลดกระเป๋า เพราะมีช่องพิเศษสำหรับ Premium Flatbed เลย
- กระเป๋าก็จะติด Tag Express Bag ให้ พอไปถึงสนามบินปลายทาง กระเป๋าเราก็จะออกมาเป็นใบแรกๆ
- ตอนขึ้นเครื่องก็ได้ขึ้นก่อนใคร มีทางเข้าพิเศษสำหรับ Premium Flatbed ด้วย
- ที่นั่งสามารถปรับเอนนอนได้สบายๆ มีหมอน ผ้าห่มให้พร้อม รวมอาหารด้วย บรรยายมาขนาดนี้ คุ้มมั้ยล่ะ เราว่าคุ้มนะ
- จองตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชียผ่าน Traveloka ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการจอง ประหยัดคุ้มค่า แถมจ่ายเงินง่าย เพราะว่าเค้ามีหลากหลายช่
องทางให้บริการ แม้ไม่มีบัตรเครดิต ตามมาที่ลิ้งค์นี้เลย >> https://www.traveloka.com/th-th/airasia
ขอเอารูปตอนขากลับมาให้ดูแล้วกันนะ เพราะขาไปแทบไม่ได้ถ่ายไว้เลย คนเยอะ แล้วทุกคนก็แลดูรีบๆ เลยถ่ายมาได้ไม่กี่รูป ด้านหลัง Premium Flatbed จะเป็น Quiet Zone
ขาไปมีสะดุดอยู่นิดหน่อย คือมีข้อความแจ้งเข้ามาวันที่เราจะเดินทางพอดี ว่ามีการเปลี่ยนแปลงเวลาบิน ช้าไปจากเวลาเดิมเกือบ 2 ชม. ปกติต้องบิน 01.55 น. เปลี่ยนเป็นบิน 03.40 น.แทน จากบินดึก กลายเป็นบินเกือบเช้า กระบวนการนอนเลยคลาดเคลื่อน ไม่ได้นนอนตุนไว้ก่อนด้วยดิ แต่ไม่เป็นไรนั่งเล่นนอนเล่นที่สนามบินเอาละกัน นี่แหละชีวิตการเดินทาง มีผิดแผนบ้างไรบ้าง เดี๋ยวค่อยปรับแผนกันใหม่ได้ เลยเอาสภาพตอนรอขึ้นเครื่องมาให้ดูซะหน่อยดีกว่า เก้าอี้เป็นของเรา กระเป๋ากล้องคนละใบวางเกะกะกันแบบนี้แหละ
เริ่มต้น DAY 1
ผ่านด่านตม. – ฝากกระเป๋าก่อนไปเที่ยวนอกเมือง – Dongseoul Bus Terminal – Sokcho – The House Hostel
ว่ากันเรื่อง ตม. เกาหลี
เริ่มต้นวันแรก ถึงสนามบินอินชอน ประมาณ 11 โมง ว่ากันเรื่องของ ตม.เกาหลีกันสักหน่อย เพราะหลายคนอาจเป็นกังวลกับตม.ที่นี่ อย่างที่บอกไปแล้วว่าสโรเคยไปเกาหลีแล้วสองครั้ง ตม.เลยไม่ถามอะไรสักคำ ผ่านฉลุย ส่วนอาร์ต เป็นครั้งแรกของการจะก้
เริ่มออกเดินทาง
แพลนวันนี้เราจะเดินทางออกนอกเมืองกันก่อน กะว่าวันแรกเดินทางอย่างเดี
เดินทางเข้าเมือง
เราเลือกเข้าเมืองด้วย Airport Railroad (All Stop Train) ก่อนอื่นต้องมีบัตร T-money หรือ Cash bee กันก่อน หาซื้อได้ที่ร้านสะดวกซื้อที่
เดินไปตามป้าย Airport Railroad เลย พอเจอตู้ All Stop Train Tickets ก็เติมเงินที่นี่ได้เลย
RAON Baggage Storage
- Hongik Univ. Station Exit 6
นั่งเข้าเมืองเกือบ 50 นาที ก็ถึงสถานี Hongik Univ. เดินไปทางออกที่ 6 จะเห็น Raon Baggage Storage อยู่ด้านซ้าย ไปถึงก็จัดเสื้อผ้าที่จะไปอยู่ Sokcho ใส่เป้ให้เรียบร้อย แล้วเอากระเป๋าลากฝากไว้ 2 ใบ เราฝากไว้ 3 วันเพราะจะไปนอนที่ Sokcho กัน 2 คืน เค้าจะให้ใบฝากกระเป๋ามาแล้วค่
Dongseoul Bus Terminal
- Gangbyeong Station Exit 4
หลังจากฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เราก็รีบไปหาตั๋วรถบัสเพื่อเดินทางไป Sokcho กันต่อ นั่งรถไฟฟ้า Line 2 ไปลงสถานี Gangbyeon ออกทางออก 4 เดินข้ามถนนไป ก็จะเป็นสถานีขนส่ง Dongseoul Bus Terminal เลย ด้วยความที่เปรี้ย นอนมาแค่ 2-3 ชม. บนเครื่อง แถมเริ่มหิวแล้วด้วย พอไปถึงก็รีบหาช่องขายตั๋วไป Sokcho เลย ไปถึงชั้น 1 มีภาษาเกาหลีล้วนๆ เอาละงัย!! มองไปรอบๆเจอป้ายภาษาอังกฤษ Express Bus ให้ขึ้นไปชั้น 2 ลองขึ้นไปดูดีกว่า ยังไงก็มีภาษาอังกฤษอยู่บ้างล่ะน่า ไปถึงมองหาคำว่า Sokcho ก่อนเลย พอเจอเท่านั้นแหละตรงดิ่งไปซื้อตั๋วทันที ได้ตั๋วมาเรียบร้อยคนละ 17,200 วอน ใช้เวลาเดินทาง 2.30 ชม. ซื้อตั๋วตอนประมาณ 14.45 น. ได้รถรอบ 16.20 น. มีเวลาเหลือกว่ารถจะออก ไปหาอะไรกินแล้วเดินเล่นแป๊บ
ในโซลช่วงที่เราไป ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีกันให้เห็นบ้างแล้ว เดินเล่นสักพักได้เวลาขึ้นรถ คนขับพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้นะ แต่ก็พยายามจะบอกว่า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม. นะยูว์ นั่งดูวิวไปเรื่อยๆ ใบไม้เปลี่ยนสีตลอดสองข้างทาง ตาเริ่มปิด ไม่ไหวละ งีบก่อน zzZZZ (นั่งไปประมาณ 1 ชม. จะมีแวะจอดให้เราเข้าห้องน้ำด้วย)
Sokcho
เราไปถึง Sokcho กันตอน 18.50 น. รถจอดที่ท่ารถ Sokcho Express Bus Terminal ด้วยความที่เริ่มเข้าหน้าหนาว ฟ้าก็จะมืดเร็ว ตอนที่ไปถึงก็มืดแล้ว แถมฝนตกอีกต่างหาก ที่พักที่เราจองไว้คือ The House Hostel อยู่ใกล้กับสถานีรถบัส แล้วก็เดินทางไปไหนก็สะดวกด้วย
แต่เดี๋ยวก่อน!!!! The House Hostel มันใกล้สถานีรถบัส Intercity Bus Terminal นะเฟ้ย ไม่ใช่ Express Bus Terminal ที่เรายืนอยู่ตอนนี้ ><!
จำตอนที่ซื้อตั๋วที่ Dongseoul กันได้ใช่มั้ย ที่บอกว่ามี 2 ชั้น แล้วชั้น 1 มันไม่มีภาษาอังกฤษอ่ะ เราว่ามันต้องซื้อตรงนั้นแน่เลย ถึงจะไปจอดที่ Intercity Bus Terminal ก็ใครจะไปกล้าซื้ออ่ะ ภาษาอังกฤษไม่มีสักตัว เราเลยเลือกที่ชัวร์ไว้ก่อนดีกว่า [ฮ่าาาาา]
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะเรารู้อยู่แล้วว่า ที่ Sokcho มีสถานีรถบัสอยู่ 2 ที่ เตรียมแผนสำรองไว้เรียบร้
เราพยายามบอกว่าไป The House Hostel พูดเท่าไหร่เค้าก็ไม่เข้าใจ เพราะสำเนียงไม่เหมือนกัน เลยควักเอกสารจองโรงแรมเอาชื่อให้ดู เป็นอันรู้เรื่อง ไม่ไกล แป๊บเดียวถึง ค่า taxi 3,800 วอน
The House Hostel
ไปถึงเจอ Mr.Yoo ที่ดูแลอยู่ที่นี่ ยืนอยู่ข้างหน้าพอดี ต้อนรับเราเป็นอย่างดี ขอเวลาอธิบายที่เที่ยว ที่กินในเมือง Sokcho แป๊บนึง ว่าที่ไหนน่าไป ที่ไหนอร่อย นั่งรถเมล์สายไหน กี่นาทีถึง บอกหมด น่ารักมาก บริการดีมาก Check in กับ Mr.Yoo เรียบร้อย ก็พาเราไปที่ห้
ดูข้อมูลหรือจองห้องพักที่นี่ได้เลย >>> http://www.thehouse-hostel.com/
Sokcho nightlife
หลังจากเอาของเก็บไว้ที่ห้องเรียบร้อย ฝนก็ยังไม่หยุดตก เราเลยหยิบร่
ออกเดินเขา DAY 2
Seoraksan National Park – Sinheungsa Temple – Abai Village
หลังจากนอนกันเต็มอิ่ม ตื่นมาแต่เช้าเตรียมตัวไปเดิ
ซื้อเสร็จ ก็เดินไปรอรถเมล์สาย 7 หรือ 7-1 ฝั่งเดียวกับ The House Hostel นะ รอไม่นานรถเมล์ก็มา ถ้าใครใช้บัตร T-money Mr.Yoo บอกว่าใช้ไม่ได้ ต้องจ่ายเป็นเงินสด 1,200 วอน แต่ตอนที่เราขึ้นรถเราเห็นสัญลั
Seoraksan National Park
- รถเมล์สาย 7 หรือ 7-1 ฝั่งเดียวกับ The House Hostel
- ค่าเข้า 3,500 วอน
- ค่ากระเช้า Gwongeumseong 10,000 วอน
ถึง Seoraksan ก็ไปหาซื้อตั๋วกันเลย ค่าเข้าคนละ 3,500 วอน เราไปถึงตอน 09.30 น. คนเริ่มเยอะละ ไปถึงนี่เดินยิ้มตลอดทางเลย ก็สีสันของใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่
เราเดินเล่นถ่ายรูปกันอยู่นาน ยังเดินวนเวียนอยู่ด้านหน้าไม่ถึงข้างในสักที จริงๆเราต้องรีบเดินไปหาซื้อตั๋วเพื่
ระหว่างรอเวลาก็ไปเดินเล่นถ่ายรูปต่อ สีสันใบไม้แต่ละใบ สวยมากจริงๆ สีนี่แทบจะไม่เหมือนกันเลย เขียว เหลือง แดง ส้ม ไล่สีทั้งสีอ่อน สีแก่ เดินดูเพลินมาก
รอต่อคิวขึ้นกระเช้าตามรอบ กระเช้าขึ้นได้หลายคน แต่ละรอบนี่จัดแน่นเลยทีเดียว เอาบรรยากาศระหว่างทางตอนขึ้นกระเช้ามาให้ดูด้วย มองเห็นพระใหญ่ที่เราจะลงไปไหว้ด้วยนะ ส่วนใหญ่ที่เจอก็จะเป็นคนเกาหลีมีอายุหน่อย เค้าชอบมาเดินขึ้นเขาออกกำลังกายกัน แล้วเวลาแต่งตัวก็จะพร้อมมากๆ
พอไปถึงด้านบน ออกจากกระเช้าต้องเดินต่
เดินถึงด้านบน แต่ยังไม่บนสุดนะ ถ้าจะให้บนสุดจริงๆ ต้องปีนขึ้นไปถึงเสาธงนั่น แต่เราขอถอดใจละกัน ลื่นๆแบบนี้มีหวังกลิ้งแน่ๆ วิวข้างบนนี้สวยมาก ถึงฟ้าจะหม่นๆ ครึ้มๆ ไปหน่อย แต่ธรรมชาติที่
หลังจากดื่มด่ำกับธรรมชาติจนเต็
Sinheungsa Temple
กินอิ่มแล้ว เดินไปไหว้พระใหญ่ แล้วเข้าวัด Sinheungsa Temple กัน การไหว้พระใหญ่ที่นี่ ใครจะยกมือไหว้ขอพรอย่างเดียวก็
เริ่มเย็นละ อยู่ที่นี่ทั้งวัน ดื่มด่ำบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสี
Abai Village
ถ้าใครมา Sokcho แล้วมีเวลาเดินเล่นชมเมืองรอบๆ ที่นี่คงเป็นอีกหนึ่งที่ ที่ต้องแวะมา คือ Abai Village เป็น Location ที่ถ่ายทำซีรีย์เรื่อง Autumn in my heart คือไม่ได้ติ่งนะ แต่ก็ขอเดินไปดูหน่อยละกัน 555 จากที่พักเราเดินไปได้นะ ไม่ไกล
หลังจากเดินเล่นแป๊บนึงก็เดินกลับไปหาอะไรกินแถวที่พักกัน คือไม่รู้จะเลือกร้านไหนนะ เอาร้านนี้ละกัน เมนูฮิตที่เห็นเค้าสั่งกันก็จะเป็นเมนูนี้นี่แหละเรียกว่าอะไรล่ะ ปลาย่าง หรือ ปลาปิ้ง หรือปลาเผา เรียกเอาสักชื่อละกัน ปลาอะไรก็ไม่รู้อร่อยดี
ปิดท้ายตอนนี้ด้วยของกินละกัน คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ Sokcho กันแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะเดินทางเข้า โซล กัน ติดตามตอนหน้ากันนะว่าเราจะไปที่ไหนกันบ้าง แล้วเจอกันใหม่ที่ โซล กับบรรยากาศคึกคักๆ ที่เต็มไปด้วยสีสันเต็มเมือง ไปตามหา Korea Autumn กันต่อ
2 thoughts on “Korea Autumn ตามหาใบไม้เปลี่ยนสีที่ เกาหลี EP1”